steppa

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551


จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 หรือ นโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoléon Bonaparte) (15 สิงหาคม พ.ศ. 2312 - 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2364) เป็นนายพลในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ดำรงตำแหน่งผู้ปกครองประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2342 (ค.ศ. 1799) และได้กลายเป็นจักรพรรดิ ของชาวฝรั่งเศสระหว่างปี พ.ศ. 2347 (ค.ศ. 1804) ถึง พ.ศ. 2357 (ค.ศ. 1814) ภายใต้พระนามว่า นโปเลียนที่ 1 ผู้ได้มีชัยและปกครองดินแดนส่วนใหญ่ของทวีปยุโรป และได้แต่งตั้งให้แม่ทัพและพี่น้องของเขาขึ้นครองบัลลังก์ในราชอาณาจักรยุโรปหลายแห่งด้วยกัน เช่น ประเทศสเปน เมืองเนเปิลในประเทศอิตาลี แคว้นเวสต์ฟาเลนในประเทศเยอรมนี ประเทศเนเธอร์แลนด์ และประเทศสวีเดน


นโปเลียนเกิดที่เมืองอาฌัคซิโอหรืออายาชโช ในภาษาอิตาลี บนเกาะคอร์ซิกา เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2312 (ค.ศ. 1769) ซึ่งเป็นเวลาเพียง 1 ปี ภายหลังจากที่ฝรั่งเศสได้ซื้อเกาะนี้ไปจาก สาธารณรัฐเจนัว พ.ศ. 2311 (ค.ศ. 1768) ครอบครัวของเขาเป็นหนึ่งในตระกูลผู้ดีจำนวนน้อยนิดบนเกาะคอร์ซิก้า บิดาของเขาชื่อชาร์ลส์ มาเรีย โบนาปาร์ตหรือ การ์โล มาเรีย บัวนาปาร์เต (สำเนียงอิตาลี) ได้จัดการให้เขาได้เข้ารับการศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศส ที่เขาได้เข้าไปตั้งรกรากตั้งแต่อายุ 9 ขวบ


ในตอนแรกเขาถูกมองว่าเป็นชาวต่างชาติคนหนึ่ง ภายหลังการศึกษาในโรงเรียนนายร้อยทหาร (ที่เมือง
โอเติง เบรียง(เนอ) หรือ บรีแอนน์(แล้วแต่สำเนียง) และ โรงเรียนทหารแห่งกรุงปารีส) เขาก็ได้เข้าร่วมกองพลปืนใหญ่ ภายใต้กองกำลังของลาแฟร์ ที่เมืองโอซ็อนน์ เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นร้อยตรีที่เมืองวาล็องซ์ ในปี พ.ศ. 2330 (ค.ศ. 1787) ด้วยอารมณ์ที่ซ่อนเร้น ออกแนว โรแมนติก ในงานที่เขาเขียน ความอยากรู้อยากเห็นไม่มีที่สิ้นสุด บวกกับความทรงจำที่เป็นเลิศ ในปี พ.ศ. 2332 นโปเลียนหนุ่มมีความถนัดทางใช้สติปัญญามากกว่าทางใช้กำลัง

เมื่อการปฏิวัติฝรั่งเศสประทุขึ้นในปี
พ.ศ. 2332 (ค.ศ. 1789) ร้อยโทโบนาปาร์ตได้อยู่ในเหตุการณ์ที่กรุงปารีส โดยเป็นฝ่ายสังเกตการณ์ เขาได้เฝ้าดูประชาชนบุกพระราชวังตุยเลอรีด้วยความขยะแขยง นโปเลียนเดินทางกลับมายังเกาะคอร์ซิกา ที่ซึ่งการสู้รบระหว่างฝ่ายต่าง ๆ เริ่มขึ้นอีกครั้ง (โดยมีทางฝ่ายของปาสกาล เปาลี สนับสนุนการนับถือราชวงศ์แบบอังกฤษ และทางตระกูลโบนาปาร์ตสนับสนุนการปฏิวัติ) นโปเลียนได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าของกองกำลังป้องกันตนเองแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2335 (ค.ศ. 1792) โดยการแย่งเอากองกำลังจากคณะกรรมาธิการของรัฐมาส่วนหนึ่ง แต่การประหารกษัตริย์ได้ทำให้เกิดการต่อต้านของฝ่ายอิสระ สงครามกลางเมืองได้ประทุขึ้น และตระกูลของนโปเลียนต้องหลบหนีออกจากเกาะคอร์ซิกา มายังประเทศฝรั่งเศส


โบนาปาร์ตสนับสนุนการปฏิวัติ และได้ถูกส่งตัวไปรับตำแหน่งนายร้อยในกองพลปืนใหญ่ ที่ศูนย์บัญชาการ

เมืองตูลอง (Toulon) ในปี พ.ศ. 2336 (ค.ศ. 1793) ซึ่งต่อมาได้ถูกมอบให้อังกฤษปกครอง แผนการที่นโป

เลียนมอบให้ ฌาคส์ ฟร็องซัวส์ ดูก็องมิเย ทำให้สามารถยึดเมืองตูลองคืนมาจากกองทัพกลุ่มสนับสนุน

กษัตริย์และพวกอังกฤษได้ มิตรภาพระหว่างเขาพวกฌาโกแบงทำให้เขาถูกจับในช่วงสั้น ๆ ภายหลัง



หลังจากได้รับอิสรภาพ เขาก็ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ปราศจากผู้บังคับบัญชาอย่างเป็นทางการ และต่อมาปอล บาร์ราส์ ได้อนุญาตให้เขาบดขยี้กลุ่มผู้สนับสนุนราชวงศ์ที่ลุกฮือที่เมืองว็องเดแมร์ เพื่อต่อต้านสมัชชาแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2338 (ค.ศ. 1795) ในโอกาสนี้เอง โบนาปาร์ตได้มีนายทหารหนุ่มชื่อโจอาคิม มูราท์ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ปฏิบัติการประสบผลสำเร็จด้วยการยิงปืนใหญ่เข้าสลายกลุ่มสนับสนุนราชวงศ์ที่เมืองซังต์ โรช์


โบนาปาร์ตมีจิตใจผ่องใส สามารถซึมซับความรู้ทางการทหาร รวมถึงยุทธวิธีในสมัยของเขา มาประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์จริง เมื่อดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ในกองพลปืนใหญ่ เขาได้คิดค้นการใช้ปืนใหญ่แห่งกริโบวาลเป็นกองทัพเคลื่อนที่ ใช้หนุนกองทหารเดินเท้าอีกทีหนึ่ง

วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2551


ปารีสและอิล-เดอ-ฟรองซ์











นครแห่งแสงสี สวรรค์ของคู่รัก ศูนย์กลางการออกแบบและแฟชั่นของโลก มหานครทันสมัยที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทั้งหมดนี้ซึ่งเป็นกระจกสะท้อนความเป็นฝรั่งเศสคือสมญานามเพียงส่วนเดียวของนครปารีสซึ่งยังมีคำจำกัดความอื่นๆ อีกมากมาย...
คงจะเป็นไปไม่ได้เลยหากจะให้กล่าวถึงปารีสแต่เพียงสั้นๆ และก็คงเป็นเรื่องยากเช่นกันที่จะบรรยายความงามของนครนี้มิให้เกินจริงหรือด้อยค่าลง แค่เพียงกล่าวถึงสถานที่สำคัญต่างๆ ที่โดดเด่นเป็นหนึ่งเดียวในโลกดังเช่น หอไอเฟล ประตูชัย อนุสรณ์สถาน Panthéon หรือจะเป็นย่านชุมชนที่มีเสน่ห์อย่างม็งต์มาร์ต เลอ มาเร่ส์หรือแซ็งต์ แฌร์แมง เดส์ เปรส์... ก็คงจะเหนื่อยเสียแล้ว ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงผับสไตล์ฝรั่งเศสหรือร้านอาหารนานาชาติจากทั่วทุกมุมโลก หรือพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เช่น ลูฟร์ ออร์เซ่ย์ ศูนย์ศิลปะฌอร์ช ปอมปิดู สถาบันอาหรับศึกษา อีกทั้งพิพิธภัณฑ์ "เฉพาะกิจ" ที่น่าสนใจอีกหลายแห่งเช่น พิพิธภัณฑ์การโฆษณา พิพิธภัณฑ์แฟชั่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะชาวบ้าน... นอกจากนี้ปารีสยังเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาไม่มีวันน่าเบื่อ จนสามารถเขียนถึงได้เป็นหนังสือเล่มใหญ่ทีเดียว ทุกซอกทุกมุมของปารีสมีสิ่งใหม่ๆ รอให้คนต่างถิ่นไปค้นพบและหลงเสน่ห์ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรับลมเย็นๆ ชมพระอาทิตย์ลับฟ้าด้านหลัง Pont des Arts มองมาจากพิพิธภัณฑ์ลูฟส์ จิบไวน์ขาวในผับย่านเขต 18 ฟังเพลงแจ๊สยามราตรีที่ย่านนักศึกษา Quartier latin ถ้าคุณได้ไปเยือนปารีส คุณจะได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของนครแห่งนี้ที่พร้อมจะเป็น ปารีสของคุณ


แผงขายหนังสือเก่าบนกำแพงข้างถนนเลียบแม่น้ำแซน มีเสน่ห์ชวนให้เดินเลือกชมและเพิ่มบรรยากาศให้กับสถานที่สำคัญโดยรอบ ที่เห็นเป็นฉากหลังอยู่นี้คือ วิหารโนเตรอดามที่มีชื่อเสียงของปารีส

Backgrounds FreeGlitters.Com