steppa

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

มหาวิทยาลัยซอร์บอน
นับตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว สถาบันการศึกษามักจะตั้งอยู่ในวัด และพระหรือนักบวช ก็จะเป็นผู้ดำเนินการสอน ซึ่งลักษณาการเช่นนี้เป็นเหมือนกันไม่ว่าจะซีกโลกตะวันออกอย่างเอเชียเรา หรือโลกตะวันตก คือ ยุโรป โดยที่ยุโรปมหาวิทยาลัยที่นับว่ามีชื่อเสียงมาตั้งแต่แรกก่อตั้ง ในฐานะที่เป็นสถาบัน
การศึกษาของผู้ที่มีฐานะไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก หรือจะเรียกว่า "มหาวิทยาลัยขวัญใจคนยาก" ก็ไม่ผิดนั้น
ก็คือ "มหาวิทยาลัยซอร์บอน"ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งผู้ที่ก่อตั้งสถาบันการ
ศึกษาแห่งนี้ขึ้นมาก็คือ..."โรเบิร์ต เดอ ซอร์บอน" บาทหลวงแห่งคริสต์ศาสนา นิกายโรมันคาทอลิกในการสถาปนาสถาบันการศึกษาแห่งนี้ เริ่มแรกบาทหลวงซอร์บอนก่อตั้งขึ้นเป็นวิทยาลัยเพื่อสอนวิชาการและเทศนาสั่งสอนหลักคำสอนทางศาสนาให้แก่ผู้ยากไร้
ทั้งนี้ เพราะบาทหลวงซอร์บอน ได้นึกถึงตัวท่านเองว่ามาจากครอบครัวยากจนมาก่อน ซึ่งเป็นการยากที่จะได้รับการศึกษาเหมือนผู้มีฐานะ หรือมาจากตระกูลขุนนาง
ทั้งนี้ สถาบันการศึกษาที่บาทหลวงซอร์บอนสถาปนาขึ้นมานั้น ก็ได้รับการอุปถัมภ์จากราชสำนักของฝรั่งเศสด้วย เช่น เคานต์แห่งอาร์ตัวส์ และพระเจ้าหลุยส์ ที่ 9 เนื่องจากราชสำนักตลอดจนชนชั้นสูงทั่วไปในฝรั่งเศส ต่างให้ความนับถือในความเคร่งครัดต่อหลักศาสนาของบาทหลวงผู้นี้
สำหรับประวัติของบาทหลวงซอร์บอน เกิดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 1744 หรือ วันนี้เมื่อ 808 ปีที่แล้ว ในย่านซอร์บอนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 1817 สิริรวมอายุ 73 ปี

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Les fleurs

bougainvillée (f)
บ-ูแกง-วิล-เล
ดอกเฟื่องฟ้า

chrysanthème (m)
คริ-ซอง-แตม(เมอ)
ดอกเบญจมาศ

dahlia (m)
ดา-เลีย
ดอกรักเร่

flamboyant (m)
ฟลอง-บัว-ยอง
ต้นหางนกยูง

frangipane (m)
ฟรอง-ชิ-ปาน(เนอ)
ดอกลั่นทม

jacinthe (f)
ชา-แซ๊งต์
ดอกไม้ชนิดหนึ่ง (
ดูรูป)

jacinthe d'eau (f)
ชา-แซ๊งต์ โด
(ดอก,ต้น) ผักตบชวา


jasmin (m)
ชัส-แมง
ดอกมะลิ

lis (lys) (m)
ลิส
ดอกว่านสี่ทิศ


lotus (m)
โล-ตืส
ดอกบัว

marguerite (f)
มาร์-เกอ-ริต(เต)
ดอกมาร์เกอริต (
ดูรป)

mimosa (m)
มิ-โม-ซา
ดอกมิโมซา (
ดูรป)

nénuphar (m)
เน-นืิอ-ฟาร์
ดอกบัวเผื่อน

oeillet (m)
เอย-เย่
ดอกคาร์เนชั่น

orchidée (m)
ออร์-คิ-เด
ดอกกล้วยไม้

rose (f)
โรส(เซอ)
ดอกกุหลาบ

tournesol (m)
ตูร์-เนอ-ซอล
ดอกทานตะวัน

tulipe (f)
ตือ-ลิป(เปอ)
ดอกทิวลิป

violette (f)
วิ-โอ-แลต(เตอ)
ดอกไวโอเลต




วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552









Ardi-Gasna
The traditional " fermier " Ardi Gasna cheese is made with whole ewe’s milk from the Pyrenees। It is principally produced in the Nive valley. The Ardi Gasna are uncooked and pressed, and semi-hard. Affinage ( maturing ) is between 4 and 6 months. The cheese is at its best in the fifth month, when a slight chestnutty taste develops. The Ardi Gasna can be eaten all year round, but the spring and summer months are undoubtedly the best as the milk is enriched by the spring grasses. AThe Ardi Gasna is an excellent cheese to serve on a cheese board, greatly appreciated. It marries well with a salad, and can be eaten as a desert with " griottes "jam.This cheese has a very refined taste.The orange/yellow rind is slightly humid, the pate firm but supple.









Bel Fiuritu
Curdling containing natural presure, manual moulding, dry salting, maturing on cellars for 4 to 10 weeks। Cheese from ewe's thermized milk (region of Venaco) with soft and tender pâte. Consistent, alert and refined cheese. One finds there the perfume of the maquis, which reflects the soul of this area. Origin: Ewe's milk collected in livestock of Corsican race, raised in the plains of the Eastern coast, with a natural food of type “parcours”.











Broccio Passu
The existence of the Broccio Passu on the Ile de Beaute (the beautiful island) is without doubt as old as the existence of ewes on the island। Like the people of Corsica it has a strong personality and is part of this magnificent island’s heritage. The Broccio Passu is produced throughout the island and since 1988 has been a member of the AOC family. Its profile and characteristics are practically identical to the Brousse provençale. The Broccio comes in the form of a ball of curd that has been flattened and presented in a returnable wicker basket, known as "les canestres", which varies in sizes. Broccio is usually eaten fresh, within forty eight hours, but if drained and salted it can be ripened like other cheeses. The ripening of this cheese represent about 15 % of the total production. It is an unusual cheese in that it is made from lactoserum, that is the whey that is recuperated after cheese making. One needs 11 litres of milk to obtain the lactoserum to produce a kilo of Broccio. The taste of the Broccio Passu is strong and little spicy।The pate has a very soft, creamy and fine texture that will be a delight for all palates।






Filetta Corse
A filetta means fern in Corsican. This artisanal cheese decorated with a sprig of fern comes from Isolaccio, which lies 45km south of the town of Bastia. The Filetta Corse has a faint smell of the cellar and fern leaves.


วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552


สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยที่สุดในโลก( บางส่วน )

วิถีชีวิตชาวฮินดู ริมฝั่งแม่น้ำ Ganges ที่เมืองพาราณสี






แม่น้ำไนล์ ประเทศอียิปต์




หอไอเฟล ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส





ทะเลสาบ 5 สี "จิ๋วไจ้โกว" (Jiuzhaigou) ประเทศจีน






พระราชวังเคลมลิน และโบสถ์เซนต์บาซิล ประเทศรัสเซีย






เกาะโคโมโด ประเทศอินโดนีเซีย





พิพิธภัณฑสถานลูฟร์ ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส





พระราชวังแห่ง Alhambra ประเทศสเปน







The Canaima park และน้ำตก Angel (สูงที่สุดในโลก) ในประเทศเวเนซูเอลา






หมู่เกาะเอโอเลียน (aeolian)


วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552



14 กรกฎาคม Bastille Day วันชาติฝรั่งเศส

อาทิตย์นี้ทีมงานวันว่างขอรำลึกถึงวันสำคัญของมิตรประเทศอย่างฝรั่งเศส ที่มีความเกี่ยวข้องทั้งทางวัฒนธรรม และ ค้าขายกันมายาวนานและคงเป็นที่ทราบ กันดีในหมู่คนไทยที่สนใจประวัติศาสตร์ทางยุโรปว่า วันที่ 14 ก.ค. นั้นเป็นวันรำลึกถึง วันชาติฝรั่งเศส ความเป็นมาของวันนี้เป็นอย่างไรนั้น ทางทีมงานวันว่างได้ค้นหาข้อมูล มาเป็นเกร็ดความรู้แก่ท่านผู้อ่าน มีรายละเอียดดังนี้ค่ะ

วัน Bastille คือวันที่ 14 กรกฏาคม เป็นวันที่คุก Bastille ซึ่งคุมขังนักโทษทางการเมืองในฝรั่งเศสถูกทำลายโดยพลังประชาชน วันนี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ ของการสิ้นสุดการปกครองแบบราชาธิปไตยในประเทศฝรั่งเศส และเริ่มต้นศักราชของ การปกครองแบบสาธารณรัฐเป็นครั้งแรก

ในวันหยุดประจำชาติวันนี้ คือห้วงเวลาที่ประชาชนชาวฝรั่งเศสจะร่วมกันรำลึกถึง การก่อตั้งสาธารณรัฐ อีกทั้งในวันนี้ยังเป็นวันที่เปรียบเสมือนกับรากเหง้าประวัติศาสตร์ ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองอันน่าจดจำ ซึ่งลำดับเหตุการณ์โดยสังเขปในครั้งนั้น มีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

5 พฤษภาคม ค.ศ. 1789 บรรดาเหล่าขุนนางในระบอบการปกครอง แบบราชาธิปไตยเปิดประชุมสภาขุนนางทันทีที่ พวกเขาได้ข่าวว่า บรรดาชนชั้นกรรมมาชีพ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของสังคมฝรั่งเศสใน สมัยนั้น เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงการปกครอง ให้เป็นระบอบสาธารณรัฐ รวมทั้งให้มีการ ร่างรัฐธรรมนูญและก่อตั้งรัฐสภาแห่งชาติ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1789 ตัวแทนของคณะก่อการจากชนชั้นกรรมมาชีพ ได้กระทำสัตยาบรรณร่วมกัน ซึ่งจารึกไว้ว่า เหล่าคณะผู้ก่อการจะไม่ แตกแยกกันจนกว่าจะมีการร่างรัฐธรรมนูญเป็น ผลสำเร็จ แนวความคิดของคณะผู้ก่อการ ได้รับการตอบรับอย่างยิ่งยวดจากประชาชนชาว ฝรั่งเศสที่ต้องต่อสู้กับความแร้นแค้น และสภาวะเสื่อมถอยของสังคมในสมัยนั้น ในขณะที่แนวความคิดนี้ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง กับชนชั้นขุนนาง 14กรกฏาคม ค.ศ.1789 เมื่อมีแนวร่วมมากขึ้นทำคณะปฏิวัติ แข็งแกร่งขึ้นทุกขณะ ประชาชนในปารีสได้รวมตัวกันเดินขบวนไปยังคุก Bastille เพื่อ ปลดปล่อยนักโทษทางการเมืองที่มีความเห็นไม่ตรงกันกับบรรดาเหล่าขุนนางความล่มสลายของคุก Bastille ภายใน 1 วันด้วยพลังประชาชนทำให้การปฏิวัติประสบ ผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 การปฏิวัติประสบผลสำเร็จ ความล่มสลาย กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพ และประชาธิปไตย ของชาวฝรั่งเศส ทุกคนตราบจนกระทั่งทุกวันนี้กิจกรรมที่น่าสนใจของวันชาติฝรั่งเศสในประเทศไทยแม่งานสำหรับวันชาติฝรั่งเศสในทุกปีนั้นจะจัดโดยสมาคมฝรั่งเศส



















วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552





"ครู" มีความหมายว่า ผู้สั่งสอนศิษย์ หรือ ผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ ซึ่งมีผู้กล่าวว่ามาจากคำว่า ครุ (คะ-รุ) ที่แปลว่า "หนัก" อันหมายถึง ความรับผิดชอบในการอบรมสั่งสอนของครูนั้น นับเป็นภาระหน้าที่ที่หนักหนาสาหัสไม่น้อย กว่าคนๆหนึ่งจะเติบโตเป็นผู้มีวิชาความรู้ และเป็นคนดีของสังคม ผู้เป็น "ครู" จะต้องทุ่มเทแรงกายและแรงใจไม่น้อยไปกว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเลย ซึ่งในชีวิตของคนๆ หนึ่ง นอกเหนือไปจากพ่อแม่ซึ่งเปรียบเสมือน "ครูคนแรก" ของเราแล้ว การที่เด็กๆ จะดำรงชีพต่อไปได้ในสังคม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี "ครู" ที่จะประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ เพื่อปูพื้นฐานไปสู่หนทางทำมาหากินในภายภาคหน้าด้วย ดังนั้น "ครู" จึงเป็นบุคคลสำคัญที่เราทุกคนควรจะได้แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อท่าน


ด้วยเหตุนี้เอง "การบูชาครู" หรือ "การไหว้ครู" จึงเป็นประเพณีสำคัญที่มีมาแต่โบราณ และมีอยู่ในแทบทุกสาขาอาชีพของคนไทย ถือเป็นพิธีกรรมที่แสดงความเคารพ และระลึกถึงพระคุณของบูรพาจารย์ ครูอาจารย์ผู้ประสิทธิ์วิชาความรู้ให้ ทำให้เราสามารถนำไปประกอบวิชาชีพ สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ตนเองและครอบครัวได้ในอนาคต

ความมุ่งหมายพิธีไหว้ครู

1। เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศล ด้วยการถวายเครื่องสักการะ พลีกรรมแก่ปรมาจารย์ทั้งหลายทั้งปวง ที่มาประสิทธิ์ประสาทความรู้ให้แก่ศิษย์
2। เพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดความมั่นใจในการเรียนนาฎศิลป์เป็นอย่างดี เมื่อได้ผ่านพิธีกรรมมาแล้ว
3। เพื่อเป็นการขอขมาลาโทษ หากศิษย์ได้กระทำสิ่งที่ผิดพลาดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านกายกรรม วจีกรรม หรือมโนกรรมก็ตาม
4। เพื่อไว้สำหรับต่อท่ารำที่เป็นเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูงที่มีความเชื่อมาแต่โบราณว่า เพลงหน้าพาทย์บางเพลงจะต้องต่อท่ารำในพิธีไหว้ครู จึงจะเกิดเป็นสิริมงคลทั้งแก่ผู้สอนและผู้เรียน
5। เพื่อเป็นสิ่งเตือนสติให้ศิษย์ระลึกถึงครู อันเป็นเครื่องเตือนใจที่จะประพฤติแต่ในสิ่งที่ดีงาม อยู่ในศีลธรรมจรรยา ตั้งตนอยู่ในโอวาทคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์

การเตรียมพานไหว้ครู สมัยก่อน ครูประจำชั้นของแต่ละห้องจะคัดเลือกนักเรียนที่เรียนดีและมีมารยาทเรียบร้อย ผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงหนึ่งคนเป็นตัวแทนนำพานดอกไม้ไปไหว้ครู และในเย็นวันพุธจะมีการแบ่งหน้าที่กันว่า ในเช้าวันพฤหัสบดี นักเรียนคนใดจะต้องนำอะไรมาโรงเรียนบ้าง เช่น บางคนมีพานเงินหรือพานแก้วก็จะเป็นคนเอาพานมา บางคนเอาทรายหรือดินเหนียวมาใส่พานเพื่อปักดอกไม้ บางคนต้องเอาธูปเทียนมา ส่วนนักเรียนที่เหลือให้ไปช่วยกันหาดอกไม้มา โดยมีดอกไม้ที่กำหนด คือ ดอกมะเขือ หญ้าแพรก ดอกเข็ม และดอกไม้อื่นๆ เป็นต้น ตอนเช้าตรู่วันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันไหว้ครู เด็กๆ จะไปโรงเรียนเช้าเป็นพิเศษ เพื่อไปช่วยกันจัดพานดอกไม้ ซึ่งอาจมีการปัก ดอกบานไม่รู้โรย ดอกดาวเรือง ดอกกุหลาบบ้าน แซมด้วยหญ้าแพรกและดอกมะเขือ โดยที่พานดอกไม้นี้เด็กนักเรียนหญิงจะเป็นคนถือ ส่วนเด็กผู้ชายจะถือธูปเทียนและช่อดอกไม้ ( ช่อดอกไม้หมายถึงดอกไม้ที่หาได้แล้วเอามัดมารวมกัน แซมด้วยหญ้าแพรกและดอกมะเขืออีกเช่นกัน) จะเห็นว่าพิธีไหว้ครูแต่โบราณไม่มีพิธีรีตรองมากนัก แต่มีความหมายแฝงไว้มากมาย คนโบราณเป็นนักคิดจะทำอะไรก็มักจะผูกเป็นปริศนาที่ลึกซึ้งเอาไว้เสมอ ในพิธีไหว้ครูก็เช่นเดียวกันเครื่องสักการะที่ใช้ในการไหว้ครูนั้น นอกจากธูป เทียน แล้วยังมีข้าวตอก ดอกมะเขือ ดอกเข็ม และหญ้าแพรก ซึ่งเป็นของหาง่ายและมีความหมาย








วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552



This article is about the monument in Paris। For the horse race in Paris, see Prix de l'Arc de Triomphe. For other uses, see Arch of Triumph.

The Arc de Triomphe at night
The Arc de Triomphe
is a monument in
Paris ,France that stands in the centre of the Place Charles de Gaulle, also known as the Place de l'Étoile. It is at the western end of the Champs-Élysées. The triumphal arch honors those who fought for France, particularly during the Napoleonic Wars. On the inside and the top of the arc there are all of the names of generals and wars fought. Underneath is the tomb of the unknown soldier from World War I .
The Arc is the linchpin of the historic axis (L'
Axe historique) — a sequence of monuments and grand thoroughfares on a route which goes from the courtyard of the Louvre Palace to the outskirts of Paris. The monument was designed by Jean Chalgrin in 1806, and its Iconographic program pitted heroically nude French youths against bearded Germanic warriors in chain mail and set the tone for public monuments, with triumphant nationalistic messages, until World War I.
The monument stands 49।5 m (162 ft) in height, 45 m (150 ft) wide and 22 m (72 ft) deep। It is the second largest
triumphal arch in existence. Its design was inspired by the Roman Arch of Titus. The Arc de Triomphe is so colossal that three weeks after the Paris victory parade in 1919, marking the end of hostilities in World War I, Charles Godefroy flew his Nieuport biplane through it, with the event captured in a newsreel.

Backgrounds FreeGlitters.Com